การใช้ Infinitive And Gerund: วิธีการใช้และข้อแตกต่าง

การใช้ Infinitive และ Gerund ในภาษาไทย

การใช้ Infinitive:
1. การใช้ Infinitive ในภาษาไทยมีรูปแบบเป็น “to + กริยา” เช่น “to swim” หรือ “to eat” โดยตัว “to” จะถูกนำมาติดหลังกริยา
2. Infinitive มีบทบาทหลายอย่างในประโยค เช่น ใช้เป็นเนื้อหาหลักของประโยคโดยเน้นคำกริยา, เป็นเป้าหมายของกริยาอื่น, เป็นเนื้อหาของคำถาม, หรือใช้กับคำกริยา modal เพื่อแสดงความต้องการหรือการเสนอแนะ

การใช้ Gerund:
1. การใช้ Gerund คือการใช้กริยาประกอบที่มีรูปแบบเดียวกับคำนาม โดยเติม “ing” หลังกริยา เช่น “swimming” หรือ “eating”
2. Gerund มีบทบาทหลายอย่างในประโยค เช่น ใช้เป็นเนื้อหาหลักของประโยคโดยเน้นคำกริยา, เป็นเป้าหมายของกริยาอื่น, หรือใช้เป็นเนื้อหาในคำถามหรือคำตอบ

ความแตกต่างระหว่าง Infinitive และ Gerund:
1. ความแตกต่างระหว่าง Infinitive และ Gerund อยู่ในรูปแบบของกริยา โดย Infinitive มีรูปแบบ “to + กริยา” ในขณะที่ Gerund มีรูปแบบ “กริยา + ing”
2. บทบาทของ Infinitive และ Gerund ในประโยคมีความแตกต่างบ้าง โดย Infinitive มักจะใช้เป็นเนื้อหาหลักของประโยคและเป็นเป้าหมายของกริยาที่ใช้หลังคำเรียกชื่อ ในขณะที่ Gerund มักจะใช้เป็นเนื้อหาหลักของประโยคเช่นกัน แต่อาจใช้เป็นเนื้อหาในคำถามหรือคำตอบอย่างเดียวกัน

เคล็ดลับในการใช้ Infinitive และ Gerund:
1. เมื่อใช้ตัวกริยาเป็นเนื้อหาหลักของประโยคหรือเป็นเป้าหมายของกริยาที่ใช้หลังคำเรียกชื่อ เราควรใช้ Infinitive เช่น “ผมชอบการว่ายน้ำ” หรือ “เธออยากทานอาหาร”
2. ในบางกรณี เราควรใช้ Gerund เมื่อเป็นเนื้อหาหลักของประโยคหรือเป็นเป้าหมายของกริยาที่ใช้หลังคำเรียกชื่อ เช่น “ผมชอบการว่ายน้ำ” หรือ “เขาหลีกเลี่ยงการกินอาหาร”

การใช้ Infinitive และ Gerund ในกรอบของกริยาหลัก:
1. เมื่อมีกริยาหลักเป็นกริยาทั่วไป เราสามารถใช้ Infinitive หรือ Gerund ได้ตามต้องการ
2. การเลือกใช้ Infinitive หรือ Gerund ขึ้นอยู่กับคำนามหรือกริยาที่ตามมา และอาจส่งผลต่อความหมาย เช่น “ผมลืมที่จะโทรหาเขา” กับ “ผมลืมการโทรหาเขา”

การใช้ Infinitive และ Gerund ในกรอบของ modal verb:
1. เมื่อใช้กับ modal verb เช่น can, could, may, might, must, should, หรือ will เราใช้ Infinitive หลัง modal verb นั้น
2. เมื่อใช้กับ modal verb เช่น can’t, couldn’t, shouldn’t, หรือ won’t เราใช้ Gerund หลัง modal verb ที่ใช้ความต้องการ (negative form) เช่น “เธอสามารถว่ายน้ำได้” กับ “เธอไม่สามารถหยุดหัวเราะ”

FAQs เกี่ยวกับการใช้ Infinitive และ Gerund:
1. Gerund and infinitive test คืออะไร?
Gerund and infinitive test คือการทดสอบความรู้หรือความเข้าใจในการใช้ Infinitive และ Gerund ในประโยค

2. Infinitive คืออะไร?
Infinitive คือกริยาประกอบที่มีรูปแบบ “to + กริยา” เช่น “to swim” หรือ “to eat”

3. Gerund คืออะไร?
Gerund คือกริยาประกอบที่มีรูปแบบเดียวกับคำนาม โดยเติม “ing” หลังกริยา เช่น “swimming” หรือ “eating”

4. Gerund มีอะไรบ้าง?
Gerund มีอะไรบ้างได้แก่การเรียน, การเขียน, การอ่าน, การประกอบการ, และอื่น ๆ

5. Infinitive with to คืออะไร?
Infinitive with to หมายถึงการใช้ Infinitive ที่มีรูปแบบ “to + กริยา” เช่น “to swim” หรือ “to eat”

6. Gerund และ Infinitive ต่างกันอย่างไร?
Gerund และ Infinitive ต่างกันตรงที่รูปแบบของกริยา โดย Infinitive มีรูปแบบ “to + กริยา” ในขณะที่ Gerund มีรูปแบบ “กริยา + ing”

7. To infinitive คืออะไร?
To infinitive คือตัว Infinitive ที่มีรูปแบบ “to + กริยา” เช่น “to swim” หรือ “to eat”

8. Verb + gerund แยกกันใช้อย่างไร?
Verb + gerund ถือเป็นรูปแบบของกริยาที่ใช้ในประโยค เช่น “I enjoy swimming” หรือ “He avoids eating”

ตัวอย่างการใช้ Infinitive และ Gerund:
1. I like to swim. (Infinitive)
2. I enjoy swimming. (Gerund)
3. She wants to eat. (Infinitive)
4. He avoids eating. (Gerund)
5. I forgot to call him. (Infinitive)
6. I forgot calling him. (Gerund)
7. She can swim. (Infinitive)
8. She couldn’t stop laughing. (Gerund)

บทความนี้ได้ชี้วิธีการใช้ Infinitive และ Gerund ในภาษาไทย รวมถึงคำแนะนำและความแตกต่างระหว่างทั้งสอง สำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่สนใจเรียนรู้พื้นฐานของวิธีการใช้ Infinitive และ Gerund ในภาษาไทย อ่านบทความนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือการใช้ในการสื่อสารที่เป็นภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง

หากคุณเคยเรียนภาษาอังกฤษมานานหรือเพิ่งเริ่มเรียนอยู่ในระดับพื้นฐาน คุณอาจจะเคยได้ยินถึง “Gerund” และ “to infinitive” เหล่านี้มาก่อนหน้านี้ ในภาษาอังกฤษ รูปแบบการใช้คำกริยาทั้งสองนี้เป็นสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและคล่องตัว ในบทความนี้จะสอนคุณเกี่ยวกับ Gerund และ to infinitive และการใช้งานสำหรับแต่ละรูปแบบต่าง ๆ

Gerund หมายถึงดของคำกริยาที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งในประโยคแต่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยา แต่มีหน้าที่เป็นคำนาม รูปแบบ Gerund จะถูกสร้างขึ้นโดยเติม ing ที่ปลายคำกริยา เช่น “swimming”, “reading”, “eating” เป็นต้น ในการใช้งานทั่วไป Gerund จะใช้หลังกริยาอื่น ๆ เพื่อเสริมความหมาย หรือจะใช้เป็นเนื้อหาของประโยค ยกตัวอย่างเช่น:

– I enjoy swimming. (ฉันชอบว่ายน้ำ)
– She hates cleaning. (เธอเกลียดทำความสะอาด)

ในกรณีที่ Gerund นี้ขึ้นต้นประโยค สามารถใช้เป็นเนื้อหาของประโยคได้โดยตรง ยกตัวอย่างเช่น:

– Swimming is a good exercise. (การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดี)

แต่ก็มีบางกรณีที่อาจจะใช้หลังกริยาเพื่อแสดงสาเหตุหรือตนเอง สำหรับกรณีนี้ เราสามารถใช้ to infinitive แทนได้ โดย Gerund และ to infinitive จะไม่ได้แต่งกันแบบอาจารย์ ในย้อนกลับ รูปแบบ to infinitive จะมีคำกริยาตั้งต้นและเสปรายด้วย to เช่น “to swim”, “to read”, “to eat” เป็นต้น ประโยคที่มี to infinitive ส่วนใหญ่จะเป็นประโยคเสริมความหมายหลังกริยาจะให้ข้อมูล สั่ง คุณควรทำอะไร หรือให้เหตุผล ยกตัวอย่างเช่น:

– I want to swim. (ฉันอยากจะว่ายน้ำ)
– She needs to clean. (เธอต้องการทำความสะอาด)

ในกรณีที่ to infinitive อยู่ต้นประโยค การใช้งานที่ได้แก่การเสนอข้อเสนอ หรือสัญญาณที่จะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น:

– To swim will be refreshing. (การว่ายน้ำจะทำให้สดชื่น)
– To clean is necessary. (การทำความสะอาดเป็นเรื่องจำเป็น)

อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่การใช้ทั้ง Gerund และ to infinitive นั้นมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น:

– I like swimming. (ฉันชอบการว่ายน้ำ) : จะเน้นว่าฉันชอบกิจกรรมการว่ายน้ำในตัวเอง
– I like to swim. (ฉันชอบว่ายน้ำ) : จะเน้นว่าฉันชอบไปว่ายน้ำ

ทั้งนี้เป็นเพียงเบื้องต้นของ Gerund และ to infinitive รูปแบบการใช้งาน มีกฎเพิ่มเติมและสถานการณ์ที่แตกต่าง ๆ ที่คุณอาจได้เรียนรู้ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากคุณนำเสนอคำถามไว้ที่หน้าจอ ยินดีที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับ Gerund และ to infinitive ที่ยังคงคุณอยู่

FAQs

1. Gerund และ to infinitive ใช้อย่างไร?
การเลือกใช้ Gerund หรือ to infinitive จำเป็นต้องพิจารณาประโยคและความหมายของที่พูดหรือเขียน ถ้าคุณต้องการให้คำกริยาทำหน้าที่เป็นคำนาม หรือให้เป็นเนื้อหาของประโยค คุณจะใช้ Gerund กับคำกริยาที่เติม ing ที่ปลายคำ ส่วนถ้าคุณต้องการให้คำกริยาทำหน้าที่เสริมความหมายหลังกริยา หรือให้คำกริยามีหน้าที่เป็นประโยคเสริม คุณจะใช้ to infinitive กับคำกริยาที่เติม to

2. ต่างกันที่ใดระหว่าง “I enjoy swimming” และ “I enjoy to swim”?
“I enjoy swimming” แปลว่า “ฉันชอบการว่ายน้ำ” ซึ่งเน้นว่าเราชอบกิจกรรมการว่ายน้ำในตัวเอง ในขณะที่ “I enjoy to swim” แปลว่า “ฉันชอบว่ายน้ำ” ซึ่งเน้นว่าฉันชอบไปว่ายน้ำ

3. ในกรณีใดที่ควรใช้ Gerund และในกรณีใดที่ควรใช้ to infinitive?
คำตอบขึ้นอยู่กับความคล้ายคลึงของประโยคกับกรุณาดูคำตอบข้อ 1. เพื่อสรุปว่าคุณต้องการให้คำกริยาเป็นคำนามหรือภาคเสริมความหมาย

4. จะมีรูปแบบอื่น ๆ ของ Gerund และ to infinitive อย่างไรบ้าง?
นอกจาก Gerund ที่เติม ing และ to infinitive ที่เติม to ยังมีรูปแบบอื่น ๆ ของ Gerund ที่มีการเติม ed เช่น “having”, “reading” และ “to infinitive” ที่ไม่มี to ตั้งต้น เช่น “swim”, “read”

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้งาน Gerund และ to infinitive ได้อย่างถูกต้อง และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานภาษาอังกฤษของคุณในอนาคต

Infinitive คืออะไร มีการใช้อย่างไร

ในภาษาไทยมีหลายองค์ประกอบที่จำเป็นต้องเรียนรู้เมื่อเราต้องการเรียนภาษาอังกฤษ หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษคือ “Infinitive” ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญและอาจจะมีบทบาทที่สำคัญมากในการสร้างประโยคใดๆ ในภาษาอังกฤษ ในบทความนี้จะพูดถึง Infinitive คืออะไรและการใช้อย่างไรในภาษาอังกฤษให้ลึกซึ้งขึ้น

Infinitive คืออะไร?

Infinitive เป็นส่วนที่อยู่หน้าคำกริยาที่ไม่ได้ผันรูปและไม่ปรากฎเจตนา ซึ่งใช้ในประโยคเพื่อเป็นกรอบ กำหนดวัตถุประสงค์ หรือลักษณะเฉพาะของกริยา และอาจทำหน้าที่เป็นกรรมอาจารย์ในประโยค

การใช้ Infinitive ในประโยค

Infinitive สามารถใช้ในประโยคหลายรูปแบบ โดยส่วนแรกของ Infinitive จะเป็น “to” ตามด้วยรูปพึงประสงค์ของคำกริยา เช่น to go, to eat, to study ฯลฯ นอกเสียจากนี้ยังสามารถใช้ Infinitive ในรูปแบบอื่นๆ ก็ได้ เช่นการใช้เป็นกรรมอาจารย์ในประโยค เช่น I want to eat, She decided to study abroad, หรือ She hopes to win the competition

การใช้ Infinitive เป็นกรรมอาจารย์

Infinitive สามารถทำหน้าที่เป็นกรรมอาจารย์ในประโยคได้ เมื่อเราต้องการให้คำกริยา หรือคำลักษณะที่อยู่หลังคำกริยา มีประโยคนับถือเป็นกรอบ แสดงถึงเจตนา หรือลักษณะของกริยาเหล่านั้นอย่างกว้างขวาง

ตัวอย่างประโยคที่ Infinitive เป็นกรรมอาจารย์:

– I want to eat some pizza. (ฉันต้องการที่จะกินพิซซ่า)
– She loves to watch movies. (เธอรักที่จะดูหนัง)
– He needs to finish his homework. (เขาจำเป็นต้องทำเสร็จการบ้าน)

การใช้ Infinitive เป็นกรอบ

เมื่อใช้ Infinitive เป็นกรอบ เราสามารถใช้ “to” ตามด้วยคำกริยาหลัง Infinitive เพื่ออธิบายวัตถุประสงค์ หรือเจตนาของประโยคให้ลึกซึ้งขึ้น

ตัวอย่างประโยคที่ Infinitive เป็นกรอบ:

– I need to buy some groceries. (ฉันต้องการที่จะซื้อของชำบ้าน)
– She wants to learn French. (เธออยากเรียนภาษาฝรั่งเศส)
– He decided to quit his job. (เขาตัดสินใจที่จะลาออกจากงาน)

FAQs

Q: Infinitive ใช้เป็นกรอบอย่างไรในประโยค?
A: เราสามารถใช้ Infinitive เป็นกรอบโดยวาง “to” หน้าคำกริยาหลัง Infinitive เพื่ออธิบายวัตถุประสงค์ หรือเจตนาของประโยค

Q: Infinitive สามารถทำหน้าที่เป็นกรรมอาจารย์ได้ไหม?
A: ใช่ได้ แต่เราต้องใช้ Infinitive ในลักษณะนิพจน์พิเศษหรือบทบาทที่ไม่ผันรูปและไม่แสดงเจตนา

Q: ใช้ “to” หน้าคำกริยาเป็น Infinitive ทุกกรณีไหม?
A: ไม่ใช่ บางครั้งเราก็ใช้ Infinitive โดยไม่ต้องมี “to” แต่ต้องขึ้นอยู่กับประโยคและคำกริยาที่ใช้

Q: Infinitive มีรูปประสมด้วยคำถามหรือคำเชื่อมโยงได้ไหม?
A: ไม่ได้ ในส่วนของ Infinitive จำเป็นต้องไม่มีคำถามหรือคำเชื่อมโยงอยู่บนเดียวกันในประโยค

ในภาษาอังกฤษ Infinitive เป็นส่วนที่สำคัญและสามารถเป็นกรอบหรือกรรมอาจารย์ให้ลงตัวได้ การใช้ Infinitive ถูกประยุกต์ใช้ในประโยคกี่แบบก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หรือเจตนาของประโยค ดังนั้นการเข้าใจ Infinitive เป็นส่วนสำคัญที่เราควรศึกษาและฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของเรา

รีวิว: ทดสอบ Gerund และ Infinitive ในภาษาอังกฤษ

ในภาษาอังกฤษ, Gerund และ Infinitive เป็นส่วนสำคัญที่ต้องรู้จักเนื่องจากมีบทบาทที่แตกต่างกันในประโยค บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักทั้งสองเรื่องโดยละเอียด เราจะเริ่มต้นด้วยการอธิบาย Gerund และ Infinitive อย่างละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง

Gerund
Gerund คือคำกริยาที่มีลักษณะเหมือนการกระทำที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และมักมาพร้อมกับการใช้รูปของคำกริยา + -ing เช่น swimming (การว่ายน้ำ), playing (การเล่น) เป็นต้น ที่สำคัญของ Gerund คือมักจะใช้เป็นเนื้อหาหลักในประโยค

หลายครั้ง Gerund จะนำมาใช้เป็นกรรมวิเศษณ์ (Direct Object) หรือกริยาวิเศษณ์ (Complement) ในประโยค เช่น:

1. I enjoy swimming in the ocean. (ฉันชอบการว่ายน้ำในทะเล)
2. She admitted cheating on the test. (เธอยอมรับว่าเธอทำให้ฉลาดในการสอบ)
3. They suggest going to the park this weekend. (พวกเขาแนะนำให้ไปเที่ยวในสวนสาธารณะในสุดสัปดาห์นี้)

นอกจากนี้ Gerund ยังสามารถใช้เป็นเป้าหมายของ Preposition ได้ โดยมักนำเสนอในรูปที่ชุดคำ Preposition + Gerund เช่น:

1. She is interested in playing the piano. (เธอสนใจที่จะเล่นเปียโน)
2. They are worried about not passing the exam. (พวกเขากังวลเรื่องไม่ผ่านในการสอบ)

Infinitive
Infinitive คือรูปของคำกริยาที่ขึ้นอยู่หลังคำกริยาหลัก ขึ้นอยู่กับบทบาทของคำกริยาหลักในประโยค เช่น to swim (ว่ายน้ำ), to eat (กิน) เป็นต้น ส่วนใหญ่ Infinitive จะอยู่หลังคำกริยาหลักและแสดงคำสั่งหรือเป้าหมาย

1. I want to travel around the world someday. (ฉันต้องการที่จะเที่ยวไปทั่วโลกในวันหนึ่ง)
2. She has to finish her homework before going out. (เธอต้องทำเสร็จการบ้านก่อนที่จะออกไป)

นอกจากนี้ Infinitive ยังมีรูปแบบอื่นที่เรียกว่า Bare Infinitive ซึ่งเป็นรูปเดียวกับรากคำกริยา เช่น:

1. You must study hard for the exam. (คุณต้องเรียนหนักในการสอบ)
2. She let me play her guitar. (เธอปล่อยให้ฉันเล่นกีตาร์ของเธอ)

การทดสอบ Gerund และ Infinitive
เมื่อเราต้องการทดสอบการใช้ Gerund และ Infinitive ในประโยค มักจะมีรูปแบบหลายแบบที่เราต้องรู้จัก เพื่อให้เรามีความคล่องตัวในการใช้งานทั้งสองรูปแบบ ดังนี้:

1. Verb + Gerund: มีบางคำกริยาที่เมื่อนำมาต่อด้วย Gerund จะเปลี่ยนความหมาย เช่น:

– Stop + Gerund: stop + -ing ใช้แสดงการเลิกทำบางอย่าง
– She stopped smoking last year. (เธอเลิกสูบบุหรี่ในปีที่แล้ว)

– Love + Gerund: love + -ing ใช้แสดงความชื่นชอบหรือความสนใจ
– He loves playing basketball. (เขาชอบการเล่นบาสเกตบอล)

2. Verb + Infinitive: บางคำกริยาจะต้องใช้ Infinitive หลังคำกริยาหลัก เช่น:

– Want + Infinitive: want to + verb เพื่อแสดงความปรารถนาที่จะทำอะไรบางอย่าง
– She wants to learn how to play the guitar. (เธออยากเรียนรู้วิธีการเล่นกีตาร์)

– Need + Infinitive: need to + verb เพื่อแสดงความจำเป็นที่จะทำอะไรบางอย่าง
– He needs to buy some groceries. (เขาต้องการซื้อผักผลไม้บางอย่าง)

– Promise + Infinitive: promise to + verb เพื่อแสดงการสัญญาว่าจะทำอะไรบางอย่าง
– I promise to help you with your assignment. (ฉันสัญญาว่าจะช่วยเธอในการทำงาน)

FAQs (คำถามที่พบบ่อย)

คำถาม: Gerund และ Infinitive ต่างกันอย่างไร?
คำตอบ: Gerund คือรูปของคำกริยาที่มีลักษณะเหมือนการกระทำที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เช่น running, swimming เป็นต้น ในขณะที่ Infinitive คือรูปของคำกริยาที่ตามมาหลังคำกริยาหลัก และมักใช้เพื่อแสดงความต้องการ ความจำเป็น หรือคำสั่ง

คำถาม: Gerund และ Infinitive ใช้ต่างกับคำกริยาอื่นอย่างไร?
คำตอบ: คำกริยาอื่นสามารถใช้ร่วมกับ Gerund และ Infinitive ได้ แต่มีบางคำที่มีความหมายที่เปลี่ยนแปลงเมื่อใช้ร่วมกัน เช่น stop, love, want

คำถาม: มีรูปแบบ Gerund และ Infinitive อื่นๆ อีกไหม?
คำตอบ: นอกจาก Gerund และ Infinitive หลักที่กล่าวมาแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นๆ เช่น Bare Infinitive และ Perfect Infinitive ที่นำมาใช้ในบางกรณีพิเศษ

คำถาม: มีคำกริยาไหนบ้างที่ต้องใช้เป็น Gerund หรือ Infinitive เท่านั้น?
คำตอบ: ไม่มีคำกริยาที่ต้องใช้เป็นเฉพาะ Gerund หรือ Infinitive เท่านั้น การใช้ Gerund และ Infinitive ขึ้นอยู่กับบทบาทและความหมายของประโยค

คำถาม: มีวิธีการจำให้ได้ว่าควรใช้ Gerund หรือ Infinitive ในประโยคนั้น?
คำตอบ: ไม่มีกฎหมายสำหรับการเลือกใช้ Gerund หรือ Infinitive ในประโยค ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎวิธีการใช้งานและศึกษาตัวอย่างประโยคที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในการใช้งาน

Infinitive คือ: A Comprehensive Guide to Understanding Infinitives in Thai

In the Thai language, infinitive คือ (pronounced “keu”) plays a crucial role in sentence construction. Understanding infinitives is vital for effective communication and expressing oneself fluently in Thai. In this comprehensive guide, we will delve into the depths of infinitive คือ, its usage, and provide clarification on common questions frequently asked by learners.

Infinitive คือ Explained

Infinitive คือ is a verb form that typically consists of the prefix “คือ” followed by the main verb in its base form. Unlike the English language, Thai infinitives do not conjugate based on tense, mood, or aspect. Instead, they stay intact in their base form, regardless of the context or situation.

Infinitives are essential in forming sentences in Thai. They can function as the main verb or work as a complement to another verb by indicating purpose, result, or initiation of an action. Additionally, they can also be used in conjunction with other auxiliary verbs to express modality.

Usage of Infinitive คือ

1. As a Verb:
In its simplest form, infinitive คือ acts as the main verb of a sentence. For example:
– การเดินเป็นรายการทอง (Walking is good for health)
– เรียนภาษาไทยคือสนุก (Studying Thai is fun)

2. Complement to Another Verb:
Infinitive คือ can serve as a complement to another verb in order to express various functions. For instance:
– เขาขอให้ฉันเปิดประตู (He asked me to open the door)
– ครูแนะนำให้เราร้องเพลง (The teacher recommended that we sing a song)

3. Modal Auxiliary Verbs:
When used with modality, infinitive คือ can express permission, ability, or necessity. Some commonly used modal auxiliary verbs in Thai are “ได้” (can), “ต้อง” (must), and “อาจ” (may). Examples include:
– ฉันต้องทำการบ้าน (I must do homework)
– เขาอาจได้รับของขวัญ (He may receive a gift)

Infinitive คือ FAQs

1. Q: Can the infinitive คือ form change based on tense or aspect?
A: No, Thai infinitives remain in their base form regardless of tense or aspect. Instead, these concepts are typically expressed through other words or context.

2. Q: Are there irregularities in Thai infinitives?
A: While there are no irregularities in infinitive คือ forms, some verbs may undergo changes in pronunciation or spelling when used in sentences, which is common in Thai language structure.

3. Q: Can infinitive คือ be used without “คือ”?
A: Yes, while “คือ” is the most commonly used prefix for infinitives, it is not mandatory. In some cases, the verb alone can function as an infinitive.

4. Q: Are there any rules for using infinitive คือ in compound sentences?
A: When constructing compound sentences, infinitive คือ is commonly used after introductory verbs such as “ต้องการ” (want), “อยาก” (would like), or “ขอ” (ask). For example: เขาต้องการกินข้าว (He wants to eat rice).

5. Q: Can infinitive คือ be used in passive voice sentences?
A: Yes, Thai infinitives can be used in passive voice sentences. The structure includes changing the main verb to its passive form, followed by the infinitive form of the auxiliary verb “ถูก” (be) and the past participle. For instance: เขาถูกบังคับร้องเพลง (He was forced to sing).

6. Q: What is the difference between infinitive คือ and gerund forms?
A: Infinitive คือ functions as a verbal noun, whereas gerunds in Thai, known as “สรรพนามเจาะไทย” (sarapanam jao Thai), act as a verbal adjective. Gerunds undergo changes in grammatical gender, number, and case to match the noun they modify.

In conclusion, infinitive คือ forms an integral part of Thai sentence structure. Its usage goes beyond being a verb, as it serves various functions such as complements to other verbs and expressing modality. Understanding the intricacies of infinitive คือ is essential for learners aiming to communicate effectively in Thai. By grasping its usage and applying the rules correctly, learners can expand their language skills and enhance their Thai fluency.

Gerund คืออะไร? และทำไมเราควรรู้จักกับมัน

ในเรื่องของภาษาไทย มีคำสรรพนามจริงๆ ที่ถูกเรียกว่า “Gerund คือ”(Gerund) แม้ว่าคุณอาจจะไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ประโยคที่มี Gerund คือนั้นเป็นประโยคที่มีคำกริยาที่แปรเปลี่ยนรูปเป็น Gerund หรือคำกริยาแล้วเปลี่ยนรูปเป็นคำกริยาพอดี เรียกว่า Gerund.

ในประโยคภาษาไทย เราสามารถสร้าง Gerund ได้โดยใส่คำนามหรือคำสรรพนามหลังคำกริยา ซึ่งมักจะมี “การ + คำกริยา” หลังคำกริยา เพื่อแสดงถึงการกระทำหรือสิ่งที่เป็นเหตุการณ์เสมือนว่ามีชีวิตมาเกี่ยวข้องกับคนหรือสิ่งของคนนั้นๆ

สำหรับตัวอย่างเพื่อให้คุณเข้าใจในการใช้ Gerund ได้ง่ายขึ้น นี่คือสิ่งที่คุณอาจพบเห็นในประโยคภาษาไทย:

1. การอ่านหนังสือเป็นการเพิ่มความรู้
2. เด็กกำลังเรียนการเขียนภาษาอังกฤษ
3. การฟังเพลงช่วยให้เราผ่อนคลาย
4. การเดินทางเป็นเครื่องมือที่ดีในการเรียนรู้วัฒนธรรมอื่นๆ

Gerund เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างประโยคที่หลากหลายและทำให้ประโยคมีความหมายเจาะลึกกว่าเดิม อีกทั้ง Gerund ยังช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และให้คุณชินกับการนำความรู้ไปใช้ในการพูดและเขียนด้วย

คำถามที่พบบ่อยกับ Gerund

คำถามหลักๆ เกี่ยวกับ Gerund คือ:

1. Gerund คืออะไร?
Gerund คือคำกริยาที่แปรเปลี่ยนรูปเป็นคำมีคุณสมบัติเหมือนกับคำนาม โดยมักจะมี “การ + คำกริยา” หลังคำกริยา เพื่อแสดงถึงการกระทำหรือสิ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่มีเชื่อมโยงกับคนหรือสิ่งของคนนั้น

2. คำกริยาแบบไหนที่สามารถกลายเป็น Gerund ได้?
คำกริยาที่ตามมาด้วย Gerund มักจะเป็นคำกริยาที่มีรูปแบบ ing หลังคำกริยา เช่น reading, writing, singing เป็นต้น

3. Gerund และ Verb-ing ต่างกันอย่างไร?
Gerund และ Verb-ing มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่กล่าวถึงสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสำคัญ คือ Gerund เป็นคำที่เปลี่ยนรูปเป็นคำมีคุณสมบัติเหมือนกับคำนาม ส่วน Verb-ing เป็นคำกริยาที่มีหน้าที่เป็นกรรมของประโยค

4. ใช้ Gerund ได้ที่ไหนบ้างในประโยคภาษาไทย?
ในประโยคภาษาไทย เราสามารถใช้ Gerund ได้โดยใส่คำนามหรือคำสรรพนามหลังคำกริยา เพื่อแสดงถึงการกระทำหรือสิ่งที่เป็นเหตุการณ์เสมือนว่ามีชีวิตมาเกี่ยวข้องกับคนหรือสิ่งของ

เพื่อที่เราจะพูดว่าแต่ละภาษามีรูปแบบการสร้างประโยคและกำหนดการใช้งานคำต่างๆ ต่างกันออกไป การทราบ Gerund จะช่วยให้เราเข้าใจและใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องและมีความเป็นธรรมชาติกับภาษา

อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจใน Gerund จะช่วยคุณในการพัฒนาภาษา และใช้ภาษาไทยได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบายกว่าเดิม

พบ 8 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การใช้ infinitive and gerund.